-
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด -
บทสวดชยสิทธิคาถา
พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง
อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวะธินา ชิตะฺวา
มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะสิทธิ นิจจัง -
บทสวดอิติปิโส (พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ)
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน,
สุขโต โลกะวิทู,
อนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ ภะคะวาติฯเพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นผู้ไกลจากกิเลส และตรัสรู้ด้วย
พระองค์เองโดยชอบ
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความเจริญ เป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ดังนี้สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก,
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ
พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐปุริสปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต
สาวะกะสังโฆ,อาหุเนยโย, ปาหุเนยโย, ทักขิเนยโย, อัญชะลีกะระณีโย,
อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว
ได้แก่ บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
นั่นแหละพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ท่านเป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ -
บทนมัสการนอบน้อมพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ว่า 3 หน)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส
เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง โดยชอบพุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิข้าพเจ้าขอเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก
แม้ครั้งที่ 1 แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3 -
บทบูชาพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบหนึ่งครั้ง)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมังนะมัสสามิ (กราบหนึ่งครั้ง)
สุปะติปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆะนะมามิ (กราบหนึ่งครั้ง)
-
การปฎิบัติตนเมื่อมาวัด
- งดทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับพระศาสนา
- กรุณาแต่งกายสุภาพ
- ถอดรองเท้าก่อนขึ้นเจดีย์
- ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในวัด
- ห้ามนำอาหารหรือเครื่องดื่มขึ้นบนเจดีย์
- ช่วยกันรักษาความสะอาด
- ห้ามปล่อยสัตว์น้ำทุกชนิด
-
กิจกรรมเดินชมวัดทุ่งเศรษฐี
จุดที่ 1 ศาลาน้อมบุญ
วัดทุ่งเศรษฐีริเริ่มสร้างโดย ฆราวาสที่ทรงอภิญญารู้จักกันในนามว่าหลวงตาอ๋อยหรือหลวงตาย่ามแดง
เพราะท่านจะใส่ชุดแดงและสะพายย่ามแดงรูปหัวเสือ ซึ่งเป็นสีของเหล่าเทวดาทรงฤทธิ์
ภาษิตติดปากของผู้สร้างวัดคือคำว่า “กูดูกู” หมายถึงให้เราสำรวม พิจารณาเรื่องภายในจิต
และพัฒนาจิตของตนเองแทนที่จะส่งจิตออกไปวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น ซึ่งไม่ได้ประโยชน์ มีแต่
จะสร้างความวุ่นวายท่านตั้งชื่อวัดว่าวัดทุ่งเศรษฐีเพราะท่านว่าใครมาทำบุญกับวัดของท่านจะเป็นเศรษฐีทั่วหน้าเจดีย์ที่วัดนี้ตั้งอยู่จุดกึ่งกลางไตรโลกธาตุ ดังนั้นใครมาไหว้ที่มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุที่วัดทุ่งเศรษฐี จะเท่ากับได้ไหว้พระเจดีย์สามองค์ในสามโลกธาตุพร้อมกัน
เชิญชมวิดีทัศน์และสรงน้ำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ท่านและครอบครัว
คาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ว่า 3 หน)
อะปะเรนะ สะมะเยนะ ทุฏโฐนะระมะนาธิโป
เอกะโทญัญจะ ธาตูนัง โลเก ปะติฏฐิตัง
ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯอะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อม นมัสการอภิวาท พระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า
อะหัง วันทามิ สัพพะโส ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อม นมัสการอภิวาท องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยชีวิตด้วยเศียรเกล้า
(ขณะเมื่อสวดมนต์ไหว้พระบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันธาตุ จงตั้งใจสวดภาวนาด้วยพระคาถานี้ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอรหันตสาวกทั้งหลาย ตั้งจิตอธิฐานปราถณาความดีงาม หมั่นให้ทาน รักษาศีลเจริญภาวนา เป็นต้น จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และครอบครัวสืบไป)
จุดที่ 2 ศาลามาลัย
เชิญทุกท่านร่วมบูชาดอกไม้ธูปเทียนเพื่อบูชาหลวงปู่ดำ
(พระพุทธนีลวรรโณศีโลทรัพยุดม)
จุดที่ 3 มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ
มหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุถือเป็นจุดศูนย์กลางของโลกทั้ง 3 มิติ คือโลก สวรรค์ และบาดาล บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหลายองค์รวมทั้งพระเขี้ยวแก้วองค์ล่างขวา ยังมีของศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งมีค่ามากมาย
3.1 บันไดธาตุสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ)
บันไดธาตุสี่เป็นทางขึ้นเจดีย์จากพื้นดินสู่ลาน ประทักษิณแสดงถึงสัตว์สี่ตระกูลยุดยื้อคาบเกี่ยวกันในลักษณะของ “ภูติยุดสิงห์ สิงห์ขบมังกร มังกรคาบนาค” แสดงถึงความขัดแย้งอันไม่สิ้นสุดของโลกภาวะที่ประกอบด้วยธาตุสี่ไม่เว้นแต่สกนธ์กาย (ทุกสิ่งในร่างกาย) ของพวกเราทั้งหลาย วิญญูชนผู้มีศรัทธาเมื่อก้าวขึ้นบันไดดินน้ำลมไฟแห่งนี้ จะได้เฉลียวใจ ลดอัตตาตัวตน ที่เป็นเพียงธาตุ 4 ลง ลดอหังการ์ ทำใจให้ว่าง ทำจิตให้พร้อมไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับกุศลผลบุญ บนมหาเจดีย์ต่อไป
3.2 ท้าววิรูปักษ์
เจ้าแห่งนาค ห้วงน้ำแดนบาดาล และอปาทิกะ
(สัตว์น้ำ ,สัตว์เลื้อยคลาน) สัญลักษณ์ คือ ธาตุน้ำ
ใครที่ทำอาชีพทางน้ำ การประมง เกี่ยวกับของเหลว
เหมาะที่จะบูชาท่าน
3.3 ท้าวเวสสุวัณ
เจ้าแห่งจิตวิญญาณ และโชคลาภท่านเป็นอธิบดี (หัวหน้า) และเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ในเหล่าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 อธิบดีแห่งอสูร ด้วย สัญลักษณ์ คือ ธาตุไฟ เป็นเทพผู้ปกป้องพระพุทธศาสนาและเป็นเทพผู้คุ้มครองโลกมนุษย์คอยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต อีกทั้งยังเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภอีกด้วยสามารอธิษฐานถึงความสำเร็จ ลาภผล หรือช่วยขจัดสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิต
3.4 พระพุทธนีลวรรโณศีโลทรัพยุดม (หลวงปู่ดำ)
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของทั้งวัดทุ่งเศรษฐี
และวัดสวนมอน (วัดป่าศรีอุดมสมพร อ. ท่าพระ จ. ขอนแก่น)
เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองเหลือง ผิวสีดำ ทรงเครื่องจักรพรรดิปิดทองประดับพลอยสี ปางสมาธิ พระพักตร์งดงามเปี่ยมล้นด้วยเมตตา
3.5 ห้องปริศนาธรรม
ใต้มหาเจดีย์เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ชื่อห้องปริศนาธรรม
“วงศ์ไวศยวรรณ” ใช้ที่อบรมธรรมะในวาระกิจกรรมต่างๆ มีงานจิตรกรรมและประติมากรรมที่น่าสนใจใช้เป็นสื่อในการสอนธรรมะแก่ผู้ที่มาเยือน อย่างแยบคาย เช่นงานจิตรกรรมปริศนาธรรม การเกิด แก่ เจ็บ ตาย
เหมาะที่จะไปนั่งสมาธิรับพลังสามโลกธาตุที่สะดือโลกที่เป็นจุดบรรจบติดต่อกันของทั้งสามโลก ตรงกลางเจดีย์ (สวรรค์ โลกมนุษย์ บาดาล)
3.6 ท้าวธตรฐ
เจ้าแห่งคนธรรพ์ เวหา และทวิบาท (สัตว์ปีก)
สัญลักษณ์ คือ ธาตุลม เหมาะกับผู้ที่ผู้ที่มีธุรกิจสื่อสาร การบันเทิง คมนาคม ควรได้กราบไหว้บูชา
3.7 สมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกประทานพร
ผู้ใดกราบไหว้จะทำให้พบแต่ความสุขสมบูรณ์ทั้งทางโลก
และทางธรรม ขยันทำมาหากิน ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย
3.8 ท้าววิรุฬหก
เจ้าแห่งกุมภัณฑ์ ปฐพี และจตุบาท (สัตว์บก) สัญลักษณ์ คือ ธาตุดิน ผู้ที่มีอาชีพเกษตรกรรม อสังหาริมทรัพย์ ควรบูชา
จุดที่ 4 โรงอุโบสถ และลานธรรม
อุโบสถแต่เดิม เป็นวิหารองค์ปฐม ภายหลังปรับมาเป็นโรงอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระพุทธเจ้าองค์ปฐม (พระสิกชีทศพล / พระพุทธเจ้าองค์แรกในจักรวาล)
ลานธรรมมะรอบอุโบสถแสดงถึงสังสารวัฎ การเวียนว่ายตายเกิด และธรรมอันจะนำพาให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ได้แก่ บุญกิริยา 10 และไตรสิกขา ภายในอุโบสถมีภาพเขียนหลังพระประธาน เป็นเรื่องราวคราวที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาโปรดพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บังเกิดพระภิกษุเป็นองค์ปฐมในพระศาสนา ทั้งยังได้รับการบวชด้วยการเปล่งพุทธวจนจากพุทธองค์ ว่า “เอหิ ภิกขุ อุปสัมปทา” (จงมาเป็นพระภิกขุ เถิด)
ภาพเขียนด้านในอีกสามด้านที่เหลืออธิบายความเป็นมา และความหมายของคาถา เยธัมเม
ของพระอัสสชิ หนึ่งในปัญจวัคคี รูปนูนต่ำภายนอกทิศเหนือ เป็นเรื่องราวพระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาธรรม (ธรรมจักรกัปวัตนสูตร) รูปวงล้อนั้นเป็นสัญลักษณ์ สื่อว่า วงล้อแห่งธรรมได้เริ่มหมุนไปโปรดเวไนยสัตว์ สัตว์โลกแล้ว ส่วนผนังด้านทิศใต้เป็นเรื่องราวความเป็นมาของพระนาคปรก
จุดที่ 5 ลานพญายม และสวนนรก
ลานพญายมแสดงภาพพญายมกำลังพิพากษาสัตว์นรก และแสดงนรกของผู้ละเมิดศีลทั้ง 5
รวม 5 ขุม มีการจัดแสงสีในตอนกลางคืนให้ผู้คนได้มาเยี่ยมชม และเรียนรู้เรื่องบาปบุญ และเกิดยำเกรงในการทำชั่ว หลวงตาย่ามแดงผู้สร้างวัด กล่าวว่าเมื่อพ้นภพชาตินี้ ท่านจะลงไปเป็นพญายมตามวาระที่ท่านกำหนดไว้แล้ว ท่านจึงให้ปั้นรูปเคารพองค์พญายมแทนตัวท่านเอาไว้ พร้อมทั้งให้ปั้นนรก 5 ขุม และรูปปั้นเปรตไว้เป็นอุทาหรณ์
ท่านให้ความสำคัญกับศีล 5 มาก มักกล่าวเตือนลูกหลานชาววัดทุ่งฯไว้เสมอว่า ศีล 5 ต้องจับไว้ให้มั่น จะได้ไม่ลงอบายภูมิ เพราะหากทำกรรมหนักมาก ถึงเป็นลูกหลานลูกศิษย์ ตัวพญายมเองก็ช่วยไม่ได้
ทุกเทศกาลกฐิน ท่านให้จัดพิธีบวงสรวงองค์พญายมทุกปี เปิดโอกาสให้ลูกหลานได้กราบไหว้บูชาท่าน และพญายมจะได้เปิดนรกให้บรรดาญาติที่ยังอยู่ ได้อุทิศบุญถึงสัตว์นรกที่เป็นเปรต ญาติของตน
รูปปั้นพญานาค อยู่ถัดจากบริเวณสวนนรกเล็กน้อย เป็นรูปพญานาคตนใหญ่ อยู่ในท่ากำลังเลื้อยขึ้นมาจากสระน้ำใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง หลวงตาท่านว่า เป็นพญานาคเจ้าที่เจ้าถิ่นอาศัยอยู่ในบึงน้ำนี้
จุดที่ 6 แท่นแว่นฟ้าท่านาคิน
เป็นท่าน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุทางทิศเหนือ เป็นสถานที่บูชา
มหาจุฬามณีเจดีย์บนดาวดึงษ์สวรรค์ ซึ่งประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วองค์ขวาบน โดยให้หมายภาพสะท้อนเจดีย์ในแว่นฟ้า (กระจกเงา) ว่าเป็นเจดีย์จุฬามณี และให้บูชานาคเจดีย์ ซึ่งประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วองค์ล่างซ้ายอยู่ในนาคพิภพ ให้หมายเอาเงาสะท้อนบนผิวน้ำว่าเป็นนาคเจดีย์ และอธิษฐานขอพรเอา
ท่านาคินยังมี พญาปู่นาคา ย่านาคี ประดิษฐานอยู่ ท่านทั้งสองเป็นพญานาคศักดิสิทธิ์ที่คอยปกปักรักษามหาเจดีย์ และช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ใจ ผู้มากราบไว้บูชา ในมุ่นมวยผมทั้งสองนั้นบรรจุพระบรมสาริกธาตุไว้ด้วยเป็นเครื่องหมายของความเป็นนาคอริยบุคคลของนาคทั้งสอง
เสนาสนะอื่นๆ
เสนาสนะอื่นๆ ยังมีพระสีวลี หมู่กุฏิสงฆ์ วิหารพระอวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม)
เรือนพักปฏิบัติธรรมคุณแม่คำมอญ หอฉันจัยวัตน์
ศาลามาลัยธีระอัมพรกุล ศาลาพักรับรองน้อมบุญ อาคารเรือนพักเอนกประสงค์เต้าโตว
โรงครัว ประติมากรรมยักษ์หน้าประตูวิรุฬหก ฯลฯ เป็นต้น
เสนาสนะเหล่านี้หลวงตาท่านให้สร้างไว้สมบูรณ์เหมาะแก่การอยู่อาศัยตามสมควรแก่เพศบรรพชิต
และโยมวัด ไม่ว่าจะเป็นกุฏิสงฆ์ เรือนนอนแม่ชี และอุบาสก อุบาสิกา ฯลฯ ครบถ้วนสะดวกสบาย เป็นที่สัปปายะในการเจริญภาวนา
-
ร่วมสร้างเจดีย์วัดโคกแสง ปากพนัง
วัดทุ่งเศรษฐีฯ โดยดำริของหลวงปู่วาสุกรี ให้วัดทุ่งฯเป็นแกนกลางช่วยก่อสร้าง
เจดีย์ให้กับวัดโคกแสง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
โดยวันพฤหัสฯที่ 27 เมษายน 2566 เวลา 6.45 น. จะมีพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์
ลูกหลานท่านใดสะดวกเชิญชวนมาร่วมงานตามอัธยาศัย หรือร่วมบุญสร้างเจดีย์
ที่บัญชี พระณธวรรธน์ โชคอนันต์พร กสิกรไทย 153-3-73878-4
ระบุ “สร้างเจดีย์วัดโคกแสง ปากพนัง”
-
สร้างหอระฆัง
ขอเชิญร่วมบุญ สร้างหอระฆัง และถวายระฆัง สำริด ขนาด 21 นิ้ว เพื่อให้พระสงฆ์ ใช้ ในกิจทางศาสนา
ถวายวัดทุ่งเศรษฐี จังหวัดขอนแก่น
สามารถร่วมบุญได้ที่
ธ.ออมสิน บัญชี วัดทุ่งเศรษฐี 020-1-54951-238
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
**บันทึกสลิปว่า “ร่วมบุญระฆัง” และโพสต์ด้วยเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณค่ะ